กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับกรมอุตุนิยมวิทยา มีประกาศฉบับที่ 1 (93/2567) 18 พ.ค. 2567 แจ้งว่า

ในช่วงวันที่ 20 - 23 พฤษภาคม 2567 ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในช่วงวันที่ 22 – 26 พฤษภาคม 2567 จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวมะตะบัน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในช่วงวันที่ 21 - 26 พฤษภาคม 2567 โดยบริเวณ

ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2- 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร สำหรับอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร สำหรับ

ภาคกลาง (จังหวัดระยอง) ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 20- 26 พฤษภาคม 2567

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง อาจสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนนักท่องเที่ยว บ้านเรือน พืชผลทางการเกษตร กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง จึงให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยอำเภอ ทุกอำเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ ดังนี้

1. ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการ ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก

2. ให้อำเภอ ทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพื้นที่ จัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงาน ติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวังและรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง

และดำเนินการ ดังนี้

2.1 สำหรับอำเภอที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุทกภัย ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบประกาศแจ้งเตือน และปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด

2.2 ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ให้เตรียมการป้องกัน และระมัดระวังอันตรายอันเกิดจากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ผ่านทางวิทยุกระจายเสียงประจำท้องถิ่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และเครือข่ายวิทยุสมัครเล่น เคเบิ้ลทีวีท้องถิ่นตลอดจนผู้นำท้องถิ่น ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

2.3 เตรียมความพร้อมกำลังพล วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร และยานพาหนะ ให้พร้อมปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ (เช่น ทหาร ตำรวจ ชลประทาน สถาบันการศึกษา มูลนิธิ อาสาสมัคร ฯลฯ)

2.4 สำรวจ ตรวจสอบ พื้นที่รองรับน้ำ กำหนดแนวทางในการพร่องน้ำ การผันน้ำ และการระบายน้ำออกจากพื้นที่เสี่ยงที่มีสถานการณ์ซ้ำซาก พื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ

2.5 หากเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ ให้รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือให้จังหวัดระยองทราบ (สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง) โทรสารหมายเลข 038 694129 หรือสายด่วน 1784

3. แขวงทางหลวงระยอง แขวงทางหลวงชนบทระยอง ตรวจสอบรางระบายน้ำท่อระบายน้ำ และท่อลอดต่างๆ ไม่ให้มีวัชพืช ขยะ และสิ่งอุดตัน รวมทั้งตรวจสอบสิ่งก่อสร้าง และป้ายโฆษณาที่อยู่ในเขตทาง หากพบว่าไม่ปลอดภัยหรือติดตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเคร่งครัด

4. สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง แจ้งเตือนเกษตรกรควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตร ที่อาจได้รับความเสียหาย เกษตรกรชาวสวนผลไม้ระวังผลผลิตที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยว เพื่อลดความรุนแรงของลมจะช่วยลดความสูญเสียจากพายุ

5. สำนักงานประมงจังหวัดระยอง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาระยอง แจ้งเตือนชาวเรือให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ หากมีคลื่นสูงให้งดออกจากฝั่ง ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่อยู่บริเวณชายฝั่งหรือชายหาดให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ กำหนดมาตรการการดูแลความปลอดภัยในการเดินเรือ และการละเล่นทางน้ำ

6. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดระยอง ตัดแต่งกิ่งไม้ใหญ่บริเวณที่สายไฟฟ้าพาดผ่านให้อยู่ในสภาพที่ไม่เป็นอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และจัดเตรียมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง และแก้ไขปัญหาในกรณีเกิดเหตุไฟฟ้าดับ หรือเสาไฟฟ้าล้มได้ทันที

ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนระมัดระวังภัยอันเกิดจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง