สวนเนินอ้อมตะวัน
สวนเนินอ้อมตะวัน ในอดีตเป็นสวนพุทรามาก่อน เป็นสวนของนายชลอ - นางสมควร วงษ์เป็น เริ่มแรก ทําสวนพุทรามาก่อน แต่ในช่วงหลังคุณพ่อชลอและคุณแม่ควรทําสวนพุทราไม่ไหวเพราะพุทรานั้นดูแลยาก คุณพ่อจึงตัดสินใจโค่นต้นพุทราทิ้งแล้วได้ทดลองปลูกต้นมะม่วงโดยใช้ ต้นพันธุ์ มะม่วงป่า ที่รากมีความพิเศษ เฉพาะตัว คือ รากของมะม่วงป่านั้นจะมีรากแก้วที่ยาว สามารถชอนไชไปในพื้นดินทราย เพื่อหาแหล่งน้ําชั้น ใต้ดินได้ดี จากนั้นก็นําพันธุ์มะม่วงที่ต้องการมาทาบกิ่งจนได้มะม่วงพันธุ์ดีที่ต้องการ คุณพ่อ คุณแม่ทํากันมา หลายปีจนกระทั่งลูกๆ มีครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่จึงได้แบ่งที่ดินให้ลูก (พี่แนะและพี่บุญส่ง) เพื่อดูแลและ สานต่อ แต่พี่บุญส่งมีแนวคิดใหม่ขึ้นมาว่า ไหนๆ เราก็ต้องอยู่ทําสวนอยู่แล้ว และสวนเราก็สวย แปลกตา น่าจะทําธุรกิจเล็กๆ ที่ทําให้มีรายได้เสริมในช่วงที่มะม่วงยังไม่มีผลผลิตจึงได้เกิดเป็น “เนินอ้อมตะวันรีสอร์ท” โดยเป็นการสร้างที่พักที่อยู่ในสวนมะม่วง ที่มีบรรยากาศร่มรื่นและเงียบสงบ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เมื่อแขกเข้ามาพัก จะถามหาคือ “ลุง” นั้นก็คือ พี่บุญส่ง ที่คอยดูแลแขกที่มาพักด้วยบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ประจําตัว คือ การ พูดจาโต้ตอบด้วยภาษาถิ่นสําเนียงคนระยอง และมักนุ่งกางเกงเล หรือกางเกงจีน สวมเสื้อแขนยาวลายสก็อต ที่ไม่ซ้ําสีกันในแต่ละวัน โพกผ้าที่หัวเห็นแต่ดวงตา และไม่สวมรองเท้า โดยพี่บุญส่งจะพูดคุยและตอบข้อสงสัย ให้กับแขกที่มาพักในเรื่องการดูแลมะม่วงและเคล็ดลับของวิธีการที่ทําให้มะม่วงของที่นี้มีรสชาตินี้มีรสชาติที่หวาน แตกต่างจากพื้นที่อื่นๆ
ในส่วนของชื่อเป็นอ้อมตะวันรีสอร์ท เราต้องการที่จะรําลึกถึง บรรพบุรุษของเราที่ได้ให้ที่ทํากินแก่เราไว้ จึงเอาคําว่า “เนิน” มาจากคําว่า วงษ์เนิน ที่เป็นนามสกุลของเรา และคําว่าตะวัน สื่อถึงดวงอาทิตย์ที่ไม่มีวัน ดับสูญ ยังคงอยู่ตลอดไป และใช้คําว่า “อ้อม” เป็นที่เชื่อมคําว่าเนินและตะวันไว้ด้วยกัน จึงเป็นคําว่า “เนินอ้อมตะวัน”
สวนนี้มีลักษณะพิเศษคือ “รีสอร์ทในสวนมะม่วง” เป็นการเพิ่มมูลค่าของพื้นที่ในสวน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน การ ทาอาชีพเกษตรกร ถ้าผลผลิตเสียหาย ก็จะมีแต่ขาดทุนเท่านั้น พี่บุญส่งผู้ดูแลสวนนี้จึงได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยยังคงทา สวนมะม่วงตามภูมิปัญญาที่ได้เรียนรู้มา ผนวกกับแนวคิดใหม่ที่ว่า ใช้พื้นที่เดียวกันให้เกิดประโยชน์สองอย่าง ทั้งเป็นสวนผลไม้ และเป็น “รีสอร์ท"